
ความเสียหายและปัญหาการอนุรักษ์งานศิลปกรรมที่มีการประดับกระจกเกรียบ

พระมณฑปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ตามหลักฐานปรากฏในศิลาจารึก เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการสถาปนาและการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์แห่งนี้ ซึ่งบันทึกไว้ว่า รัชกาลที่ 1 และที่ 3 ขุนนาง เจ้าทรงกรมช่างสิบหมู่ได้ระดมช่างในราชสำนัก ช่างวังหลวง ช่างวังหน้า และช่างพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญงานศิลปกรรมสาขาต่าง ๆ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง ด้วยพลังศรัทธาตามพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านที่ให้เป็นแหล่งรวมสรรพศิลป์ สรรพศาสตร์ ต่อมารัชกาลที่ 4 ได้โปรดฯ ให้ประดิษฐานพระสรีรางคางพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 1 บริเวณผ้าทิพย์พระพุทธอาสน์พระพุทธเทวปฏิมากร
.
จากการสำรวจงานศิลปกรรมการประดับกระจกเกรียบบริเวณผ้าทิพย์ได้พบกระจกเกรียบรูปแบบพิเศษ คือ กระจกเกรียบแบบกระเปาะ (ภาพที่ 1) ซึ่งมีลักษณะโค้งนูนครึ่งวงกลมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ขนาดประมาณ 2 กระเบียด ประกอบข้อมูลการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุดเมื่อฉลองกรุงเทพฯ 200 ปี พ.ศ. 2525 สำหรับพระอารามหลวงแห่งนี้เป็นเพียงซ่อมสร้างของเก่าให้ดีขึ้น ไม่มีการสร้างเสริมสิ่งใด ๆ ดังนั้น จากการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้น จึงสันนิษฐานว่าวัสดุศาสตร์เชิงช่างนี้เกิดขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 3 – 4
.
แนวทางการบูรณะอนุรักษ์ เมื่อศึกษาทางด้าน “ศิลปกรรมศาสตร์” แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการทาง “วิทยาศาสตร์” โดยประดิษฐ์แก้วกระจกขึ้นมาใหม่ ภายใต้หลักการ “สืบสาน รักษา และ ต่อยอด” โดยคงคุณค่ารักษากระจกของเดิมไว้ ถอดสูตรและผลิตด้วยกรรมวิธีโบราณ และนำไปใช้บูรณะอนุรักษ์ได้อย่างกลมกลืน กล่าวคือ “เหมือนทั้งองค์ประกอบภายในและให้มิติที่กลมกลืนทางกายภาพ” (ภาพที่ 2 – 3)

การบูรณะอนุรักษ์งานศิลปกรรมประดับกระจกเกรียบบริเวณผ้าทิพย์พระพุทธอาสน์พระพุทธเทวปฏิมากร

ความกลมกลืนของกระจกเกรียบที่ประดับบริเวณผ้าทิพย์ ภายหลังการบูรณะอนุรักษ์