
หลักฐานเกี่ยวกับช่างหล่อโลหะชาวเวียดนามสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์

อิทธิพลศิลปะอยุธยาตอนปลายในงานช่างวัดราชสิทธาราม กรุงเทพมหานคร
ข้อมูลจารึกระบุว่าหอไตรหลังนี้สร้างขึ้นโดยพระวชิรกวี (รอด) ใน พ.ศ.2383 ตรงกับสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 เป็นอาคารเครื่องไม้แบบไทยประเพณียกใต้ถุนสูงตั้งอยู่กลางสระน้ำที่เหลือหลักฐานอยู่น้อยมากในปัจจุบัน เฉพาะย่านคลองบางหลวงปรากฏอีกที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ จากรูปแบบเชื่อว่าน่าจะเป็นงานสร้างที่มีมาแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย หอไตรวัดอัปสรสวรรค์ผสมผสานระหว่างงานแบบประเพณีนิยม ดังปรากฏผ่านวัสดุ โครงสร้าง รูปแบบหลังคาแบบเครื่องลำยอง รูปแบบซุ้มประตูหน้าต่างทรงปราสาทและบันแถลง รวมถึงลายประดับพื้นผิวอาคารภายนอก กับงานประดับอิทธิพลจีนตามพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 ดังปรากฏผ่านลวดลายหน้าบันอาคารและซุ้ม เป็นลายดอกไม้ประเภทเครือเถาเคล้าก้าน ลายเครือเถาดอกโบตั๋นแตกดอกออกช่อทั้งประดับเต็มพื้นที่ และประดับเป็นพื้นลายของทวารบาลบนบานประตูหน้าต่าง ทวารบาลมีทั้งแบบไทยทรงเครื่องยืนแท่น และแบบไทยผสมอิทธิพลจีน แบบหลังสังเกตได้ผ่านหนวดเครา แต่งกายชุดนักรบสวมเกราะอ่อนแบบไทยทับเสื้อที่มีลวดลายประดับแบบจีน นุ่งผ้าแถบยาวลงมาเป็นแผ่นรูปสามเหลี่ยม ยืนบนสัตว์บริวารคล้ายทวารบาลจีน อย่างไรก็ดีช่างที่นี่ได้ออกแบบสัตว์บริวารแบบพิเศษเป็น “มนุษย์สิงห์” คือตัวเป็นสิงโตจีนแต่มีหัวเป็นมนุษย์ดูขบขัน ต่างจากธรรมเนียมทวารบาลแบบประเพณีหรือแบบผสมอิทธิพลจีน ที่มักยืนเหยียบพลแบกหรือสัตว์บริวาร อาทิ สิงโต เสือ เต่า มังกร จระเข้ นับเป็นตัวอย่างการยักย้ายทางความคิดในการออกแบบของช่างสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 ต้นความคิดคงพัฒนาจากสัตว์ประเภทครึ่งคนครึ่งสัตว์ในหิมพานต์มากกว่ามนุษย์สิงห์ที่มีเช่นกันในศิลปะพม่า

แบบคัดลอกลายเส้นบนบานประตูหน้าต่างหอไตรวัดอัปสรสวรรค์ (ทวารบาลแบบไทยผสมอิทธิพลจีน /ทวารบาลแบบไทย / ลายเครือเถาดอกโบตั๋นแตกดอกออกช่อ)
ที่มา วสุ โปษยะนันท์, สามหอไตร เล่มที่ 3: หอไตรวัดอัปสรสวรรค์ การสานต่องานอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทย , 60. เข้าถึงข้อมูลจาก https://www.yumpu.com/user/ASACREW, เข้าถึงเมื่อวันที่ 7/10/2566.

มนุษย์สิงห์ สัตว์บริวารของทวารบาลบนบานประตูทิศตะวันตกหอไตรวัดอัปสรสวรรค์