
ภาพประดับหน้าบันวัดอุภัยราชบำรุง

มนุษย์สิงห์ สัตว์บริวารของทวารบาลบนบานประตูหอไตรวัดอัปสรสวรรค์
หลักฐานเอกสารของไทยกล่าวถึงเหตุการณ์องเชียงสือหลบหนีจากกรุงเทพฯ กลับเวียดนามในช่วงสมัยรัชกาลที่ 1 ว่า “แล้วองเชียงสือพาครอบครัวพวกองเชียงสือกับพวกญวนเก่าที่กรุงเทพฯ ไป องเฮียวเจ้ากรมช่างสลักหนึ่ง องหับเจ้ากรมช่างไม้หนึ่ง องเกาโลเจ้ากรมช่างหล่อหนึ่ง รวม 3 คนลงเรือถอนสมอรีบแจวไปในเวลากลางคืนนั้น” บันทึกดังกล่าวทำให้ทราบว่า ชาวเวียดนามส่วนหนึ่งที่อพยพเข้ามาในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เป็นช่างฝีมือ ซึ่งรวมถึงช่างหล่อโลหะด้วย อาทิ องเกาโล
.
ภายในวัดมงคลสมาคม มีระฆังใบหนึ่งระบุช่วงเวลาที่สร้างว่า “ปีที่ 60 แห่งรัชศกจิ่งซิง” รัชศกดังกล่าวใช้ในสมัยราชวงศ์เลระยะหลังจนถึงสมัยกบฎเต็ยเซิน เทียบเท่ากับปี พ.ศ. 2342 หรือในสมัยรัชกาลที่ 1 เนื้อหาอีกส่วนหนึ่งระบุถึง “ชาวอันนัมที่มาตั้งถิ่นฐานในสยาม” ถวายเป็นพุทธบูชา น่าสังเกตว่า ที่จับระฆังประดิษฐ์เป็นรูปมังกรลำตัวผอมเรียว ตัวระฆังแบ่งเป็นช่องและแต่ละช่องมีลายประดับที่มุม ลักษณะดังกล่าวเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะเวียดนาม หากพิจารณาจากหลักฐานเอกสารข้างต้นที่แสดงให้เห็นว่ามีช่างหล่อโลหะชาวเวียดนามในกรุงเทพฯ ก็อาจเป็นได้ว่า ระฆังดังกล่าวหล่อขึ้นในไทย
.
จากข้อค้นพบดังกล่าว ทำให้มีข้อสังเกตอีกประการหนึ่งว่า อาจมีการหล่อประติมากรรมในพระพุทธศาสนาตามแบบศิลปะเวียดนามในช่วงเวลานั้นด้วยหรือไม่ แต่น่าเสียดายว่า ปัจจุบันนี้ยังไม่พบหลักฐานพุทธประติมากรรมที่แสดงถึงรูปแบบศิลปะเวียดนามและสามารถกำหนดอายุในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ได้