
หอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ วัดกัลยาณมิตร

หอพระไตรปิฎกวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร
หอไตรโดยทั่วไปย่อมมีรูปแบบที่แสดงถึงศักดิ์ของอาคารที่สูง ด้วยถือว่าพระไตรปิฎกซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในคือพระธรรมเจดีย์ โดยมักเป็นสถาปัตยกรรมเครื่องลำยองที่มีงานประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามต่างจากอาคารอื่นใดในเขตสังฆาวาส อย่างไรก็ตามยังปรากฏหอไตรซึ่งมีรูปแบบพิเศษที่ต่างไปจากแบบแผนโดยทั่วไป ลักษณะสำคัญคือมีที่ตั้งที่อยู่ในเขตพุทธาวาสและมีรูปแบบที่แสดงถึงฐานานุศักดิ์ของอาคารที่สูงยิ่ง โดยจำแนกได้ 2 กลุ่มตามรูปแบบทางสถาปัตยกรรม คือหอไตรที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นปราสาทเครื่องยอด และหอไตรที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นอาคารทรงจั่วขนาดใหญ่คล้ายวิหาร
หอไตรในกลุ่มซึ่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นปราสาทเครื่องยอดนี้แสดงถึงฐานานุศักดิ์ที่สูงอย่างยิ่ง ด้วยเหตุที่ปราสาทมีความหมายถึงเรือนชั้นอันเป็นเรือนฐานานุศักดิ์สูงหรือที่อยู่ของผู้สูงศักดิ์ หอไตรปราสาทเครื่องยอดโดยส่วนใหญ่จะเป็นสถาปัตยกรรมที่เรียกว่าพระมณฑป สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงประทานคำอธิบายเกี่ยวกับความหมายในทางศิลปะไทยของคำว่าปราสาท มณฑปและบุษบกว่าเป็นสิ่งเดียวกัน โดยที่ทั้งสามอย่างต้องเป็นหลังคาซ้อนชั้นมียอดแหลมที่ในทางศัพท์ช่างเรียกว่าเครื่องยอด หรือทางบาลีเรียกว่ากูฎาคาร ถ้าไม่ใช่เรือนเป็นของเล็กๆมีหลังคาซ้อนเป็นยอดเข้าได้คนเดียวหรือไม่ได้เลย สำหรับนั่งหรือสำหรับตั้งอะไรๆเรียกว่าบุษบก ถ้าไม่มีมุขและคนเข้าไปได้หลายคนเรียกว่ามณฑป ถ้าเป็นเรือนยอดแหลมมีมุขเรียกว่าปราสาท และแท้จริงแล้วแม้ไม่มีมุขอย่างที่เรียกว่ามณฑปก็ควรจะเรียกว่าปราสาทเหมือนกัน
หอไตรซึ่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นปราสาทเครื่องยอดปรากฏอยู่เพียงจำนวน 3 แห่งในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ พระมณฑปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระมณฑปหอไตรวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และปราสาทยอดปรางค์วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม

พระมณฑปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พระมณฑปวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม