
หอไตรวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

หอพระไตรปิฎกรูปแบบพิเศษ : รูปแบบสถาปัตยกรรมปราสาทเครื่องยอด
หอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ วัดกัลยาณมิตร ตั้งอยู่ภายในเขตพุทธาวาสหลังพระวิหารน้อย หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเข้าหาแม่น้ำเจ้าพระยาในทิศทางเดียวกับสถาปัตยกรรมหลักในเขตพุทธาวาส พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นที่หลังพระวิหารวัดกัลยาณมิตร ซึ่งเดิมเป็นที่วังของกรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 กล่าวว่าเมื่อแล้วเสร็จจึงโปรดฯ ให้ฉลอง มีการเชิญพระอัฐิกรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์กับอัฐิเจ้าขรัวทอง ตั้งกระบวนแห่ไปประดิษฐานที่หอไตร ได้สวดพระพุทธมนต์ 3 วัน มีพระธรรมเทศนา การมหรสพ 3 วัน 3 คืน ครั้นฉลองเสร็จแล้วแห่อัฐิเข้าสู่พระมหาราชวัง
ลักษณะโดยรวมของหอไตรแห่งนี้คล้ายกับหอไตรเครื่องก่อโดยทั่วไปแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าและตั้งอยู่ในเขตพุทธาวาสโดยไม่ได้ตั้งอยู่กลางสระน้ำแต่มีกำแพงแก้วล้อมรอบ เมื่อพิจารณาตำแหน่งที่ตั้งในผังบริเวณแล้วจะเห็นว่าหอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติยังตั้งอยู่ด้านหลังในแนวแกนของพระวิหาร ซึ่งเป็นตำแหน่งของพระเจดีย์ในแบบแผนการวางผังสถาปัตยกรรมภายในพุทธาวาสแบบดั้งเดิม และยังเทียบเคียงได้กับพระอุโบสถซึ่งอยู่ด้านขวาของพระวิหารที่มีพระเจดีย์อยู่ด้านหลังในแนวแกนเดียวกัน ประเด็นดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความหมายของหอไตรในความหมายของพระเจดีย์ที่ชัดเจนอย่างยิ่ง ลักษณะพิเศษประการสำคัญที่แตกต่างไปจากหอไตรโดยทั่วไปคือมีการใช้รูปสัญลักษณ์เพื่อสื่อความหมายถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับที่มาของการสร้างหอไตรแห่งนี้ โดยปรากฏจากงานประดับหน้าบัน ซุ้มประตูและซุ้มหน้าต่าง ได้แก่รูปพระมหามงกุฎที่สื่อถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ยังมีรูปมณีรัตนะซึ่งสันนิษฐานว่าสื่อความหมายถึงพระนามกรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งมีพระนามเดิมว่าแก้ว และตอนบนเหนือพระมหามงกุฎเป็นรูปนกยูงอันเป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ สันนิษฐานว่าสื่อถึงพระนามสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระราชชนนีในรัชกาลที่ 4

ซุ้มประตู หอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ วัดกัลยาณมิตร

หน้าบัน หอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ วัดกัลยาณมิตร