
ตึกแถวห้องหัวมุม ภาพสะท้อนบทบาทของพระคลังข้างที่ในพุทธศตวรรษที่ 25

ตำแหน่งการประดับลายขนมปังขิง กับการกำหนดอายุตึกแถวย่านสามแพร่ง
วังวรวรรณเป็นวังเจ้าหลังเดียวที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ในแพร่งนรา นับแต่ราว พ.ศ.2437 แม้จะเป็นเพียงตำหนักเพียงหลังเดียว และมิได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เช่นตอนแรกสร้าง อีกทั้งมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานไปตามยุคสมัย ทว่ายังคงมีเอกลักษณ์โดดเด่นสะท้อนให้เห็นอิทธิพลของงานสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามาในระยะเวลาร่วมสมัยกันได้อย่างชัดเจน
นอกจากรูปแบบอาคารที่มีโครงสร้างเป็นอาคารก่ออิิฐถือปูน 2 ชั้น ชั้นบนเป็นอาคารแบบครึ่งปูนครึ่งไม้ รอบตัวอาคารมีเฉลียงไม้ยื่นมาทุกด้าน ด้านหน้าอาคารเป็นมุขสี่เหลี่ยมคลุมด้วยหน้าบันทรงโค้ง มีบันไดทางขึ้นอยู่ด้านนอกอาคารข้างมุข หลังคาเป็นทรงปั้นหยา มุงด้วยกระเบื้องลอนจะสะท้อนอิทธิพลของอาคารอย่างตะวันตกได้อย่างเด่นชัดแล้ว การประดับตกแต่งอาคารด้วยลายไม้ฉลุ หรือ “ลายขนมปังขิง” ก็มีความโดดเด่นแสดงให้เห็นความเป็นตะวันตกได้ไม่แพ้กัน ทั้งนี้ปรากฏการนำลายขนมปังขิงมาประดับอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ของอาคาร ได้แก่ ครีบระบายชายคา คอสอง ครีบระบายชายคากันสาดหน้าต่าง ครีบระบายใต้พื้นระเบียง ลูกกรงระเบียง และเท้าแขนรูปสามเหลี่ยม ซึ่งดูเหมือนจะมากยิ่งกว่าที่ปรากฏบริเวณตึกแถวในแถบแพร่งภูธร ที่มีการประดับลายไม้ฉลุไว้เฉพาะบริเวณช่องระบายอากาศหรือช่องแสงเหนือกรอบหน้าต่าง กับครีบระบายชายคากันสาดหน้าต่างเท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขนาดของตัววังที่ใหญ่โตกว่าส่วนตึกแถว ประกอบกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน กล่าวคือตึกแถวเป็นพื้นที่ปล่อยเช่ามิใช่ที่อยู่อาศัยที่ผู้สร้างตั้งใจจะใช้อยู่จริง ดังนั้นการประดับตกแต่งอาคารย่อมมีผลต่อต้นทุนในการสร้างที่สูงขึ้น ส่งผลต่ออัตราค่าเช่าที่อาจจะสูงไปเมื่อเทียบกับรายได้ของกลุ่มคนที่อยู่อาศัยย่านนี้ ซึ่งมิใช่เจ้าของห้างร้านขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับย่านการค้าอื่น ๆ อย่างเจริญกรุง เฟื่องนคร หรือสำเพ็ง
อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าสังเกตว่าการออกแบบลวดลายบนแผ่นไม้ฉลุมีทั้งที่ใช้เทคนิคการฉลุลายบนพื้นไม้ทั้งแผ่น และการฉลุไม้ให้เกิดช่องว่างที่เป็นลวดลาย ซึ่งมักใช้กับการทำลายลูกกรงของเฉลียงหรือระเบียงเป็นหลัก โดยลวดลายส่วนใหญ่แสดงให้เห็นการผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันตกกับความเป็นไทยอยู่ค่อนข้างมาก อาทิ ลายพันธุ์พฤกษาบริเวณเท้าแขน ดูละม้ายคล้ายลายกนกอย่างไทยมากกว่าการเลี่ยนแบบลายดอกไม้ ใบไม้อย่างตะวันตก ขณะที่ลายดอกสี่กลีบที่ประดับบริเวณลูกกรงของเฉลียงอาคารด้านทิศใต้ (ติดถนนแพร่งนรา) กลับดูเหมือนกลีบดอกไม้อย่างตะวันตก มากกว่าลายดอกสี่กลีบอย่างไทย เป็นต้น

เปรียบเทียบลายพันธุ์พฤกษาสลักบริเวณเท้าแขนของวังวรวรรณ (เดิม) (ซ้าย) กับลายพันธุ์พฤกษาแบบลายอย่างตะวันตกที่พบประดับบนคอสองของเรือนอย่างไทย ที่ อ.ขลุง จ. จันทบุรี (ขวา)
ที่มา : (ภาพขวา) ภรดี พันธุภากร และเสกสรรค์ ตันยาภิรมย์, การศึกษารวบรวมลวดลายไม้ฉลุแบบขนมปังขิง สกุลช่างจันทบุรี (กรุงเทพฯ : คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 2547)

ลายดอกสี่กลีบ ฉลุบนลูกกรงเฉลียงด้านทิศใต้