
กระจกเกรียบในงานศิลปกรรมสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กรณีศึกษา เสานางรายปิดทองประดับกระจกบริเวณระเบียงหลังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ศิลปกรรมประดับกระจกเกรียบศิลปะสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กรณีศึกษา เสานางรายปิดทองประดับกระจกบริเวณระเบียงหลังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
คุณค่าและความสำคัญของวัดพุทไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ดังนี้ “…โปรดให้เชิญพระเทพบิดร คือ พระรูปสมเด็จพระรามาธิบดี (อู่ทอง) ซึ่งเป็นปฐมวงศ์สร้างกรุงเก่ามาแปลงเป็นพระพุทธรูปหุ้มเงินปิดทองประดิษฐานไว้ในพระวิหาร พระวิหารนั้นพระราชทานนามว่า หอพระเทพบิดร…” และยังพบหลักฐานเกี่ยวกับการบูรณปฏิสังขรณ์งานศิลปกรรมวัดพุทไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดพุทไธศวรรย์ เป็นวัดในกรุงศรีอยุธยาวัดหนึ่งที่พระองค์ทรงเสด็จมาพระราชทานพระกฐินโดย กระบวนพระยุหยาตราทางชลมารค เมื่อครั้งเสด็จพระราชทานพระกฐิน ณ เมืองปทุมธานี และกรุงเก่าหรือพระนครศรีอยุธยา ดังปรากฏข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์พระราชทานพระกฐินครั้งนี้ในจดหมายเหตุ ในรัชกาลที่ 4 และในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ปรากฏหลักฐานว่าชาวพระนครศรีอยุธยาได้ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์ยอดพระปรางค์ประธานของวัดขึ้น ในราว พ.ศ.2441
เมื่อสำรวจเสมาคู่รอบพระอุโบสถวัดพุทไธศวรรย์ พบการประดับกระจกเกรียบหลากสีเป็นลวดลาย ลักษณะกรุกระจกเต็มพื้นที่ ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับงานช่างประดับกระจกเกรียบสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติทางกายภาพ (สี-ความวาว) และคุณสมบัติทางเคมี (วิเคราะห์องค์ประกอบธาตุ) พบว่า กระจกเกรียบที่ใช้ประดับเสมาหินรอบพระอุโบสถวัดพุทไธศวรรย์ มีลักษณะใกล้เคียงกับกระจกเกรียบสมัยรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 3-4)

ภาพการเปรียบเทียบคุณสมบัติทางกายภาพ (สี-ความวาว) กระจกเกรียบสีแดงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ กับกระจกเกรียบที่ใช้ประดับเสมาหินรอบพระอุโบสถ วัดพุทไธศวรรย์