
การศึกษาลักษณะทางศิลปกรรมและการประดับกระจกเกรียบพระพุทธไสยาสน์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) สู่แนวทางการแนวทางการบูรณะและอนุรักษ์กระจกเกรียบในงานศิลปกรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

กระจกเกรียบในงานศิลปกรรมสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กรณีศึกษา เสานางรายปิดทองประดับกระจกบริเวณระเบียงหลังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
การศึกษางานศิลปกรรมประดับกระจกเกรียบที่ปรากฏในพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว งานวิจัยนี้ได้เลือกตัวอย่างงานศิลปกรรมประดับกระจก โดยจำแนกงานศิลปกรรมประดับกระจกเกรียบที่พบในพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว 3 กลุ่มพระอาราม ได้แก่ วัดที่ทรงสถาปนาสืบเนื่องจากรัชกาลก่อน วัดที่ทรงสถาปนาใหม่ และวัดที่พระราชโอรสทรงสร้างถวาย
พบว่ารูปแบบสถาปัตยกรรมในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นมีทั้งที่สร้างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับยกเลิกขนบธรรมเนียมนิยมดั้งเดิมที่สืบทอดรูปแบบของงานศิลปกรรมมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยอยุธยา มาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่เรียกว่า “แบบประเพณีนิยม” วัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 มีลักษณะสำคัญของรูปแบบสถาปัตยกรรม ที่ส่งผลต่องานศิลปกรรมประดับกระจกเกรียบในรัชกาลนี้ โดย แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ งานศิลปกรรมประดับกระจกเกรียบในงานสถาปัตยกรรมแบบประเพณีนิยม และงานศิลปกรรมประดับกระจกเกรียบในงานสถาปัตยกรรมแบบพระราชนิยม คือ งานศิลปกรรมที่มีอิทธิพลศิลปะจีนเข้ามาผสม
ทั้งนี้ การศึกษารูปแบบงานศิลปกรรมร่วมกับการวิเคราะห์หาองค์ประกอบของกระจกเกรียบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้ สามารถต่อยอดเป็นต้นแบบในการผลิตกระจกเกรียบ สำหรับการอนุรักษ์งานศิลปกรรมประดับกระจกเกรียบร่วมยุคสมัยรัชกาลที่ 3 ต่อไปในอนาคต

กระจกเกรียบประดับประดับโลหะพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างจักรพรรดิราช ประดิษฐานขนาบคู่พระประธาน ภายในพระวิหารวัดเทพธิดารามวรวิหาร เป็นการประดับกระจกเกรียบในงานศิลปกรรมรูปแบบประเพณีนิยม

กระจกเกรียบประดับร่องลายบานประตูจำหลักไม้ลวดลายศิลปะจีน เป็นลายน้ำที่เรียกว่า “ลายประสุ” ประกอบด้วยสัตว์น้ำแหวกว่ายอยู่บนผิวน้ำ พระอุโบสถวัดมหรรณพารามวรวิหาร เป็นการประดับกระจกเกรียบในงานศิลปกรรมรูปแบบพระราชนิยม