
การลำดับเรื่องราวแบบเวียนทวนเข็มนาฬิกาในงานจิตรกรรมฝาผนัง

ภาพประดับหน้าบันวัดอุภัยราชบำรุง
อาคารทรงมุขโถงหลังคาจั่วเปิดเป็นหนึ่งในรูปแบบที่นิยมสร้างมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยาตามที่ปรากฏหลักฐานภาพลายเส้นจากบันทึกชาวต่างชาติอย่างจดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ ตัวอย่างที่พบ เช่น อุโบสถวัดบางยี่ขัน อุโบสถวัดใหม่เทพนิมิตร อุโบสถวัดพระยาศิริไอยสวรรค์ อุโบสถวัดช่องนนทรี และคงสืบเนื่องมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น พระอุโบสถวัดยานนาวา
.
พอมาถึงในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ไม่ได้รับความนิยมสร้างอาจด้วยเพราะเหตุผลดังนี้
1. อาคารกลุ่มนี้เป็นอาคารที่ตกแต่งด้วยเครื่องไม้ในส่วนหน้าบัน เครื่องลำยอง สาหร่าย รวงผึ้ง และคันทวย ซึ่งองค์ประกอบมักชำรุดง่ายจากการผุพังตามกาลเวลาทำให้ต้องบูรณะบ่อยครั้ง
2. ในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นช่วงที่จำเป็นต้องบูรณปฏิสังขรณ์รวมทั้งสร้างวัดจำนวนมาก ทำให้ต้องเกณฑ์ช่างฝีมือมาก่อสร้าง จึงมีการใช้ช่างชาวจีนมาช่วยสร้างส่งผลให้รูปแบบอาคารต้องเปลี่ยนตามไปด้วย
3. มีความนิยมในงานศิลปะจีนมากขึ้น จึงนำมาดัดแปลงและประยุกต์ใช้กับงานประดับตกแต่ง
.
ลักษณะหลังคาของวัดที่สร้างขึ้นสมัยอยุธยามีด้วยกัน 2 แบบ คือ 1.จำนวนตับหลังคาส่วนมุขโถงน้อยกว่าตับของตัวอาคาร เช่น อุโบสถวัดช่องนนทรี อุโบสถวัดปราสาท และ 2.จำนวนตับหลังคาเท่ากันตลอดทั้งอาคาร ความแตกต่างกันนี้สามารถนำมาใช้เป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นในการกำหนดอายุอาคารได้ เนื่องจากอาคารที่มีจำนวนตับหลังคาส่วนมุขโถงน้อยกว่าตับของตัวอาคารจะสร้างเฉพาะในสมัยอยุธยาเท่านั้น เพราะสังเกตจากวัดที่บูรณปฏิสังขรณ์หรือสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์มักทำเป็นอาคารที่มีจำนวนตับหลังคาเท่ากันตลอดทั้งอาคาร
.
ในสมัยรัชกาลที่ 4 อาคารทรงมุขโถงหลังคาจั่วเปิด กลับมานิยมใหม่อีกครั้งเช่นเดียวกับงานศิลปกรรมในช่วงนี้ที่มีลักษณะการรื้อฟื้นงานช่างในอดีตมา เช่น พระวิหารวัดอนงคาราม มีลักษณะที่หันกลับไปทำตามแบบอย่างเดิมที่เป็นทรงไทยประเพณี ทั้งเสาย่อมุมไม้สิบสอง หลังคาลดชั้น ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ประดับสาหร่าย รวงผึ้ง

พระวิหารวัดอนงคาราม